วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

เมืองในฝัน , มาเก๊า

City of dream  , มาเก๊า 

ที่ตั้งชื่อว่า City of dream เพราะ ว่า เมืองมาเก๊า เป็นเมืองที่รังสรรค์สิ่งก่อสร้างต่างๆได้ เหมือนอย่างที่คนสร้าง ฝันไว้ได้ครับ มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม ทั้งๆที่เป็นเมืองไม่ใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีสถานที่ที่เป็นโบราณสถานด้วยครับ การเที่ยวมาเก๊าเราก็จะได้สัมผัสทั้ง 2 แบบครับ ^^

มาเก๊าเป็นเกาะเล็กๆ ที่นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวได้รอบเกาะ หากนักท่องเที่ยวศึกษาสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อย่างละเอียด ก็สามารถเที่ยวที่มาเก๊า ได้อย่างสบาย และใช้เวลาในการเที่ยวประมาณ 2-3 วันก็สามารถเที่ยวรอบเกาะมาเก๊าได้ครบทุกที่

สถานที่แรก ดังมากครับ เดอะเวเนเชี่ยน (THE VENETIAN) เดอะเวเนเชี่ยน มาเก๊า มีชื่อเต็ม ๆ ว่า THE VENETIAN MACAU RESORT-HOTEL ที่ไม่ได้เป็นแค่โรงแรม แต่ยังมีห้องประชุมสัมมนา ร้านค้า ร้านอาหาร โรงละคร สนามกีฬา ลำคลอง และบ่อนกาสิโน อยู่ภายในอาคารที่มีหลังคา ด้วยพื้นที่ที่มากถึง 10.5 ล้านตารางฟุต หรือ 9.8 แสนตารางเมตร เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2550 ที่ผ่านมาครับ

เดอะเวเนเชี่ยนที่มาเก๊า จะมีพื้นที่ใหญ่กว่าที่สหรัฐฯ ถึง 2 เท่า แต่ภายในตกแต่งด้วยบรรยากาศแบบเดียวกัน โดยจำลองเมืองเวนิส ของอิตาลี เข้ามาไว้อยู่ในอาคาร ที่ส่วนตัวชอบมากก็คือกระเบื้องหินอ่อนปูพื้นที่ถูกออกแบบให้รับกับแสงไฟจากหลังคาด้านบน แล้วทำให้มองเห็นเหมือนเป็นก้อนสามมิติที่วางซ้อนทับกันอยู่ชั้นล่างถูกจัดเป็นพื้นที่บ่อนกาสิโนที่เปิดตลอดทั้ง 24 ชั่วโมง ด้วยพื้นที่ที่มากถึง 550,000 ตารางฟุต หรือ 51,000 ตารางเมตร นับว่าเป็นบ่อนกาสิโนที่มีพื้นที่ใหญ่มากที่สุดในโลก มีตู้สลอทแมชชีนอยู่ถึง 3,400 ตู้ แต่ยังว่างคนเล่นอยู่เยอะ และยังมีโต๊ะเสี่ยงโชคอื่น ๆ อยู่อีกถึง 800 โต๊ะ เท่าที่สังเกตเห็นคนเล่นส่วนใหญ่จะเป็นคนจีน และคนเอเชีย รวมถึงคนไทย

ไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งก็คือการยกคลองและเมืองเวนิสจำลองมาไว้ที่นี่ มีการการล่องเรือกอนโดลา เรือกอนโดลา หรือ Gondola เป็นเรือพายพื้นบ้านของชาวเวนิส ซึ่งในอดีตใช้เป็นพาหนะเดินทางไปมาหาสู่กันอยู่ในเมืองเวนิส ตอนหลังเลยกลายเป็นเรื่องของการท่องเที่ยวเพื่อหารายได้ คนพายจะยืนพายอยู่ทางท้ายเรือ ซึ่งมีทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่คนที่จะมาพายได้จะต้องมีประกาศนียบัตรรับรองด้วย เสื้อที่ใส่ก็ต้องเป็นลายขวางขาวดำ เวลาพายก็ต้องร้องเพลงกล่อมผู้โดยสารไปด้วย 

เดอะเวเนเชี่ยน
ด้านในครับ
อีกรูปครับ
food court ครับ

ภายในก็มีที่ให้ shop ด้วยครับ
เป็นเมืองข้างในเลยครับ ทำท้องฟ้าเองด้วยครับ
ระหว่างที่นั่งเรือ เค้าจะร้องเพลงไปด้วยนะครับ ^^
 ที่่ต่อไปครับ  ซนาโด สแควร์ เป็นศูนย์กลางของมาเก๊าตั้งแต่แรกเริ่ม ใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรม และงานเฉลิมฉลองต่างๆ มากมาย ตึกต่างๆ ทั้งสองข้างของเซนาโด สแควร์ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 และ 20 ในปี 1993 ด้านหน้าของเซนาโด สแควร์ มีการปูหินสีดำและขาวให้ฃป็นลวดลายคลื่นเพื่อดึงสีสันอันสดใสของตึกที่อยู่รอบข้างให้เด่นชัดขึ้น และสร้างเสริมบรรยากาศให้เป็นแบบเมดิเตอร์เรเนียน ที่ยนี่จัดว่าเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่รวมไว้ซึ่งร้านค้าต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านเฟอร์นิเจอร์โบราณ ร้านจำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับ ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ภัตตาคารร้านอาหารโปรตุเกส อาหารแมคกานีส และอาหารจีนตามตำรับดั้งเดิม รวมไปถึงร้านขนมอบ ขนมพื้นเมือง ร้านขายสินค้าเพื่อสุขภาพ ร้านขายยาทั้งแบบแผนโบราณ และปัจจุบันเยอะดีครับ

เซนาโด สแควร์
ตอนกลางคืนครับ
สามารถเดินเล่นได้ครับ
จะมี shop ของแบรนด์ดังๆด้วยครับ
 ที่ที่ 3 นะครับ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติมาเก๊า ป้อมมองเตสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1624 ในอดีตใช้เป็นกำแพงเมืองป้องกันการรุกรานของชาวดัตช์ ปัจจุบันได้รับการดัดแปลงให้เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของมาเก๊า ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตวัฒนธรรมมาเก๊าตั้งแต่อีดตจนถึงปัจจุบัน บริเวณรอบนอกของอาคารจัดแสดงปืนโบราณซึ่งบางกระบอกก็ยังสามารถใช้งานได้ จากบริเวณนี้คุณสามารถชมทัศนียภาพความงามของเมืองมาเก๊าได้อย่างเต็มตา รวมทั้งหาซื้อสินค้าหรือของที่ระลึกจากมาเก๊ากลับมาเป็นของฝากได้อีกด้วยครับ 
ด้านหน้าครับ
ด้านในครับ สวยงามมากครับ
อีกรูปครับ
มีปืนด้วยครับ ด้านบน

ที่ที่ 4 นะครับ  มาเก๊าทาวเวอร์ เป็นหอคอยที่สูงเป็นอันดับ 10 ของโลก และเป็นอันดับ 8 ของเอเชีย มีความสูง 338 เมตร เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 2001 โดยภายในมาเก๊าทาวเวอร์ นอกจากเป็นศูนย์กลางการค้าและห้องจัดประชุมสัมมนา ภัตตาคาร โรงภาพยนต์ และโรงละครแล้ว ยังมีกิจกรรมท้าทายความกล้าต่างๆ มากมาย ที่ยังรอให้คุณไปลองสัมผัสความตื่นเต้น มีให้กระโดดบันจี้จั้ม ด้วยครับ 
Macau tower ครับ
สามารถเล่นบันจี้จั้ม ได้ทั้งกลางวันและกลางคืนครับ เค้าถ่ายวีดีโอให้ด้วยครับ ^^
 สถานที่ที่ 5 นะครับ  เจ้าแม่กวนอิมปรางค์ทอง องค์รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้โปรตุเกสสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับมาเก๊าเนื่องในโอกาสที่ส่งมอบมาเก๊าคืนให้กับจีน ลักษณะขององค์เจ้าแม่กวนอิมเป็นรูปปั้นสีทองที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายชาวตะวันตกประดิษฐานบนดอกบัว ภายในฐานของรูปปั้นจะเป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งแสดงประวัติความเป็นมาตลอดจนวัตถุประสงค์และขั้นตอนในการสร้าง รวมทั้งจัดพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้ให้ประชาชนเข้ามานั่งสมาธิ บริเวณนี้เป็นสถานที่ซึ่งชาวมาเก๊านิยมมาพักผ่อนหย่อนใจมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง ถนนเลียบฝั่งน้ำใกล้กับองค์รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมปรางค์ทอง คือ ถนนดร.ซุนยัดเซ็น ซึ่งร่มรื่นด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ยามค่ำคืน ผับ บาร์ และภัตตาคารร้านอาหารต่างๆ ในย่านนี้จะเปิดให้บริการอาหารและเครื่องดื่มท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสนุกสนานเคล้าเสียงเพลงในสไตล์ละติน อังกฤษ แอฟริกัน จีน ฯลฯ โดยร้านต่างๆ เหล่านี้จะเปิดให้บริการไปจนถึงเช้าของวันใหม่ครับ
สวยครับ
ยิ่งค่ำยิ่งสวยครับ มาถ่ายรูปได้ครับ
ที่สุดท้ายของวันนี้นะครับ โบสถ์เซนต์ปอล ซากประตูโบสถ์ เซนต์ ปอล คือด้านหน้าส่วนที่เหลือของโบสถ์มาแตร์เดอี (Mater Dei) โบสถ์แห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของวิทยาลัย เซนต์ ปอล (St.Paul's College) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1594 และปิดในปี 1762 และเป็นมหาวิทยาลัยตามแบบตะวันตกแห่งแรกของเอเชียตะวันออก โบสถ์ เซนต์ ปอล สร้างขึ้นในปี 1580 แต่ถูกทำลายถึงสองครั้งในปี 1595 และ 1601 ตามลำดับ กระทั่งเกิดไฟไหม้ในปี 1835 ทั้งวิทยาลัย และโบสถ์ถูกทำลายจนเหลือแต่ด้านหน้าของตึก ฐานโบสถ์ส่วนใหญ่และบันไดหน้าด้านหน้าของตึกแสดงให้เห็นถึงสไตล์ผสมระหว่างตะวันออกและตะวันตก และมีอยูที่นี่เพียงแห่งเดียวเท่านั้นในโลก 
นักท่องเที่ยวเยอะ
กลางคืนครับ
 วันนี้เท่านี้ก่อนนะครับ ไว้จะมาเล่าเรื่อง มาเก๊า ต่อครับ ^^ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น